ในยุคดิจิทัล 2024 ยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์ที่เข้ามาสร้างแรงกระเพื่อมของการเปลี่ยนแปลงให้คนทั่วโลก สายงานด้านไอที (IT) หรือ ฟรีแลนซ์ เองถือเป็นอาชีพด่านแรก ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ส่วนความรู้เดิมที่ชาวไอทีเคยมีนั้นอาจไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับความใหม่! ของเทคโนโลยีและเทรนด์ต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในยุคนี้ มีผลต่อระบบและวิธีการทำงานของคนทำงานในปัจจุบัน อธิบายให้เห็นภาพสุดคงจะเป็น Chat GPT แชทบอตที่เข้ามาช่วยให้การทำงานของหลาย ๆ คนสะดวกและง่ายขึ้น ลดภาระย่นระยะเวลาได้มากขึ้น ดังนั้น ในฐานะสายงานด้านเทคโนโลยีงานไอที จำเป็นอย่างมากที่ต้องปรับตัวให้ได้มากที่สุดมากว่าสายงานไหน เพราะเราคือสายอาชีพแรกที่ต้องรับและเข้าใจ เพื่อนำเอาเทคโนโลยีนั้นไปสื่อสารให้คนอื่นในทีมเข้าใจ และใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3 เทคโนโลยีมาแรงในสายงานไอที
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราหลากหลายด้าน ทั้งเรื่องของไลฟ์สไตล์ ชีวิตประจำวัน การทำนายถึงแนวโน้มในอนาคตด้วยข้อมูล การจัดการข้อมูลต่าง ๆ เรียกได้ว่าแทรกซึมอยู่ทุกส่วน ทุกสายงาน แต่ทั้ง 3 เทคโนโลยีมาแรงแห่งยุคที่เราเลือกมานั้น ขอเลือกเอา Tools ที่เป็นไฮไลต์ ใช้ได้กับทุกงานไอทีของทุกองค์กร เพื่อการประยุกต์ใช้ที่เข้าใจง่าย
1.Cloud Computing และการเก็บรักษาข้อมูล
ปัจจุบันจะเริ่มเห็นได้ว่าแทบทุกองค์กร เริ่มย้ายระบบฐานข้อมูลจากกระดาษขึ้นสู่ระบบคลาวด์ (Cloud) กันมากขึ้น ทั้งหน่วยงานของเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ ที่ลดงานกระดาษเปลี่ยนเป็นดิจิทัล รวมถึงการเซ็นเอกสารต่าง ๆ ก็ใช้ระบบ e-Signature มากขึ้น แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาของระบบนี้ที่งานไอที ต้องศึกษาต่อคือการระบบต่าง ๆ ทั้งการจัดการ ต้องง่ายต่อการใช้งานและการรักษาความปลอดภัยข้อมูลอยู่ในเกณฑ์ไหน ตลอดจนความเชื่อถือในผู้ให้บริการคลาวด์ก็สำคัญ
- ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
ความปลอดภัยของข้อมูลหรือ CyberSecurity เป็นปัจจัยสำคัญที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ การย้ายข้อมูลทุกอย่างขึ้นไปอยู่บนคลาวด์แล้ว สิ่งที่ตามมาคือความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันการโจมตีของแฮ็กเกอร์ ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบของการนำข้อมูลส่วนตัวพนักงานในองค์กร หรือข้อมูลลูกค้าออกไปขาย แน่นอนว่าหากหลุดไปแล้วมูลค่าความเสียหายสูงแน่นอน เสื่อมเสียทั้งในแง่ของภาพลักษณ์และจำนวนเงิน ที่อาจจะถูกลูกค้าฟ้องได้
ทั้งหมดนั้นคือหน้าที่และภาระหลักของงานไอที ที่จะต้องจัดการดูแลระบบเหล่านี้ให้อยู่ในความปลอดภัยอยู่เสมอ คอยอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อป้องกันการบุกรุกข้อมูล และการละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
- การใช้งาน AI อย่างมีศักยภาพ
ปัจจุบันเชื่อว่าทุกองค์กรต้องมีการสนับสนุนให้พนักงานใช้ AI หรือสนับสนุนให้ทุกคนใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ช่วยทำงาน ไม่ก็ส่งไปเรียนหรือให้ทีมงานไอทีจัดคอร์สสอนจริงจังไปเลย ด้วยความมาแรงและศักยภาพที่ยอดเยี่ยม ได้ทั้งเรื่องของการสร้างคอนเทนต์ ทั้งภาพและรูป ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยเสนอไอเดีย ฯลฯ เรียกว่าคุณสมบัติครอบจักรวาล เป็นตัวช่วยทำงานได้เกือบทุกแผนก
สุดท้ายแล้ว ในเมื่อปัญญาประดิษฐ์เป็นประดิษฐ์ล้วนจำเป็นต่อการทำงานของทุกทีมในบริษัท งานไอทีเองที่ได้ชื่อว่าเป็นด่านหน้า ต้องเตรียมตัวให้พร้อม คอยซัพพอร์ตหรือเทรนด์เรื่อง AI ให้คนในองค์กรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
3 วิธีรับมือให้เท่าทันเทคฯ ของสายงานไอที
เมื่อเลือกที่เข้าสู่วงการงานไอทีแล้ว คงจะหลีกเลี่ยงเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ยาก แต่เชื่อว่าใครที่เลือกเดินสายนี้แล้วคงทำใจว่าต้องเจอกับอะไรเหล่านี้อยู่แล้ว วันนี้ JobsDB ขอเอาทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากชาวไอที ไว้รับมือ ปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับความท้าทายแบบตั้งรับกันดีกว่า
1.เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่อยู่เสมอ
การสร้างและพัฒนาทักษะใหม่เป็นสิ่งสำคัญในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของทุกอย่าง ๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะการเข้ามาของเทคโนโลยีเท่านั้น เพียงแต่ว่างานด้านไอที อาจจะต้องเจอกับความท้าทายใหม่ก่อนใคร จะหันไปปรึกษาทีมอื่นก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้ เพราะค่อนข้างเป็นศาสตร์ที่ Specialist ประมาณหนึ่ง ดังนั้น การติดตามข้อมูลข่าวสาร และพยายามเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ จะช่วยทุ่นแรงได้ เป็นสิ่งที่จำเป็นพื้นฐานในสายงาน
- กล้าที่จะเป็นผู้นำเสนอแนวคิดใหม่
ด้วยความที่เป็นสายงานที่กึ่ง ๆ บังคับให้เท่าทันกระแสอยู่แล้ว อะไรที่เห็นว่าดี อะไรที่ดูแล้วเหมาะเอามาใช้งานในองค์กร หรือพัฒนาแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อพนักงานในบริษัท ฝั่งงานไอทีเองควรแสดงตัวเป็นผู้นำกล้าที่จะเสนอแนวคิดใหม่ ๆ รวมถึงนำเทคโนโลยีที่มีศักยภาพเข้ามาเป็นเครื่องมือ ช่วยทุ่นแรง ลดระยะเวลาการทำงาน หรือช่วยให้การทำงานของทุกคนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจได้อีกด้วย - ส่งเสริมให้เกิดการวิเคราะห์ข้อมูล
ยุคของเทคโนโลยีมาพร้อมกับยุคของข้อมูล Data Analytics บางประโยคถึงกับบอกเอาไว้ว่า “Data is king” การวิเคราะห์ข้อมูลที่ดีจะนำไปสู่คำตอบในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่อดีตไปจนถึงอนาคต
ในเชิงธุรกิจเองการทำ Data Analytics จึงมีประโยชน์มาก ๆ ไม่ว่าบริษัทของคุณจะทำธุรกิจไหน ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของข้อมูล ตั้งแต่ส่งออก ค้าขาย ประนภัย ขนส่ง ทำร้านอาหาร ฯลฯ ทุกอย่างหนีไม่พ้นข้อมูลและตัวเลข ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากนำมาจัดวางและคลีนทุกอย่าง จำแนกออกเป็นระบบ เราจะพบกับผลลัพธ์และแนวโน้มที่พาไปสู่ทางออกได้มากมาย
ดังนั้น งานไอทีเองจำต้องมีสกิลเรื่อง Data หรือพยายามไดรฟ์องค์กรให้เข้าสู่การวิเคราะห์ข้อมูลให้มาก เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรปรับตัวได้เท่าทันบริษัทคู่แข่ง และไม่ตกเทรนด์การเปลี่ยนแปลงในตลาด